198 West 21th Street, NY
บ้านและสวน

เครื่องกำจัดเศษอาหารในบ้านให้เป็นปุ๋ย ไอเทมรักษ์โลก ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบัน

จากสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้มีการสั่งอาหารเดลิเวอรี่กันมากขึ้น เราเองก็เช่นกัน สั่งอาหารมาทานที่บ้านวันละหลายมื้อ ยิ่งมีโปรโมชั่นก็ยิ่งสั่งมาก ทำให้มีทั้งขยะพลาสติก และขยะเศษอาหารที่ทานไม่หมดเยอะขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปกติเราจะพยายามแยกขยะก่อนทิ้งให้ได้มากที่สุด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเบื่อหน่ายที่สุด คือ ขยะสด อย่างจำพวกขยะเศษอาหารนี่แหล่ะ เพราะต่อให้พยายามแยกขยะ ก็ต้องใส่ถุงหลายชั้น บางครั้งก็แอบมีก้าง มีเศษเปลือกคมๆ เกี่ยวถุงขาด ทำให้น้ำรั่วซึม เลอะเทอะเปรอะเปื้อน รวมถึงกลิ่นเหม็นเน่า แย่ยิ่งกว่านั้นคือ พวกมด แมลงสาบ (ดีที่เราอยู่อพาร์ทเมนท์ชั้นบนเลยยังไม่มีหนูขึ้นไปถึง) ที่ขยันเข้ามาสร้างความน่ารำคาญ กำจัดยังไงก็ไม่จบสิ้นหากยังมีขยะสดเหล่านี้อยู่ เคยนำไปใส่ผสมพรวนดินลงกระถางผักริมระเบียง เพื่อให้เป็นปุ๋ยธรรมชาติ แต่ก็มีปัญหาอีกคือ ดินส่งกลิ่นไม่น่ารักเลย และพวกมดแมลงก็ยังตามไปรังควานกระถางผักเราอีก เมื่อมีมด เพลี้ยขาวก็มีไปด้วย ทำให้ผักต่างๆพากันทยอยตาย หัวจะปวดค่ะ 

เราจึงพยายามมองหาอุปกรณ์และวิธีกำจัดขยะเศษอาหาร เพื่อตัดปัญหาจุกจิกเหล่านี้ ได้ลดจำนวนการใช้ถุงขยะ และลดโลกร้อนด้วย เพราะเราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พยายามลดการใช้ถุงพลาสติก แต่ขยะเศษอาหารทำให้ต้องใช้ถุงขยะมากขึ้น และขยะเปียกก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้การแยกขยะนั้นทำได้ยาก จนไม่สามารถนำขยะไปรีไซเคิลได้ อีกทั้งขยะเศษอาหารเมื่อไปกองรวมกันอยู่บ่อขยะ ก็ส่งกลิ่นเน่าเหม็น เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างดี ไม่ต้องใช้การตระหนักรู้ใดๆ ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า เมื่อเศษอาหารมีการย่อยสลายจะเกิดสารมลพิษที่เป็นก๊าซเรือนกระจก ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่ว่า ทำไมโลกเราถึงร้อน! ร้อนมาก! ร้อนมากขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้

ภารกิจตามหาวิธีกำจัดขยะที่มีประสิทธิภาพ

ด้วยเหตุนี้เราจึงพยายามหาวิธีกำจัดเศษอาหาร และเราเองก็ปลูกผักริมระเบียง เคยศึกษาเกี่ยวกับทำปุ๋ยหมักด้วยการฝังกลบ แต่เราไม่มีพื้นที่และดินให้กลบ จนได้ไปเจอถังหมักปุ๋ย ก็ทำการศึกษาข้อมูลทันที ถามว่าดีไหม ก็ดีนะ เพราะราคาถูก แต่ไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์เราเท่าไร เพราะต้องใช้เวลานานเป็นเดือนทีเดียวกว่าจะนำปุ๋ยมาใช้ได้ แถมยังมีหนอน และขั้นตอนก็ยุ่งยาก ต้องคอยตักดินกลบ เติมหัวเชื้อบ่อย ทำให้มีรายจ่ายจุกจิก แต่เราก็ยังคงหาถังกำจัดเศษอาหารในบ้านให้เป็นปุ๋ย ที่คิดว่าเหมาะกับวิถีชีวิตของตัวเองต่อไป โดยมีโจทย์คือ ต้องมีขนาดกระทัดรัด วางในห้องเราได้แม้จะพื้นที่จำกัด ต้องไม่มีกลิ่นรบกวน(เด็ดขาด) ห้ามมีหนอนมีแมลงร่วมกระบวนการ และสำคัญมากคือ ต้องกำจัดเศษอาหารได้ไว นำมาใช้เป็นปุ๋ยได้เร็ว (เพราะไม่ชอบรอนานๆ) ส่วนเรื่องเครื่องกำจัดเศษอาหารราคาเท่าไรนั้น ก็ขอให้สมเหตุสมผล หากไม่มีรายจ่ายจุกจิก ไร้ปัญหากวนใจ และใช้งานได้ทนจนถึง 10 – 20 ปี ก็จะพิจารณาทันที 

หลังจากตามหาและศึกษาอยู่นาน ว่าจะปักธงลงที่เครื่องกำจัดเศษอาหารยี่ห้อไหนดี จนเจอกับ Hass เครื่องกำจัดเศษอาหาร เปลี่ยนให้เป็นปุ๋ยออแกนิคภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น!! แค่โปรยหัวมาเท่านี้ก็สะกิดต่อมความสนใจของเราทันที ไม่รอช้า ทำการติดต่อศึกษาข้อมูลอย่างไว และสมใจเลยค่ะ คุณสมบัติต่างๆของเครื่องกำเศษอาหาร HASS ตอบโจทย์เราทุกประการ เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และห้องน้อยๆของเราที่สุด แม้ว่าราคาของเครื่องจะทำให้เราต้องพิจารณาพอสมควร แต่เมื่อไตร่ตรองจนถี่ถ้วนสุดๆ ทำให้เราตัดสินใจได้ เพราะเครื่องนี้ใช้งานได้นานถึง 10 – 20 ปี และหากเทียบปริมาณขยะเศษอาหารที่ถูกกำจัดในแต่ละวัน x10 ปี หรือ x20 ปี จะเป็นจำนวนมากที่อาจเทียบเท่ากับเนินเขาย่อมๆเลยนะ และแทนที่จะทิ้งให้เป็นขยะไร้ค่า แต่กลับนำมาใช้ประโยชน์หมุนเวียนเป็นปุ๋ยได้ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากมหาศาลเลยทีเดียว ในขณะที่เราจ่ายตกเดือนละประมาณไม่เกิน 300 บาท แต่ได้ปุ๋ยออแกนิคใส่ผักไว้กินอย่างสบายใจเพราะไร้สารเคมี ลดการใช้ถุงขยะพลาสติก และได้ความภูมิใจที่เราเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกใบนี้ สำหรับเราแล้วถือว่าคุ้มมาก!!

ทีนี้เรามาดูกันหน่อยว่าเครื่องกำจัดเศษอาหารนี้ทำอะไรได้บ้าง และมีความคุ้มค่ายังไง 

เครื่องกำจัดเศษอาหารส่งมาโดยไม่มีค่าขนส่ง (พูดง่ายๆคือส่งฟรี) แถมมีรับประกัน 1 ปี ด้วย ขนาดของเครื่องกระทัดรัด ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องประมาณ 18 กิโลกรัม ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กตัวน้อยอย่างเรายกเคลื่อนที่ได้ไม่ลำบากเลย นอกจากตัวเครื่องก็จะมีถุงที่บรรจุหัวเชื้อจุลินทรีย์ ไว้สำหรับให้เราใส่ลงเครื่องในการใช้งานครั้งแรก ก่อนจะใช้งานเครื่องนี้ จะต้องเสียบปลั๊กและสตาร์ทเครื่องแล้วรอเพื่อให้เครื่องและจุลินทรย์พร้อมทำงาน เหมือนกับการชาร์จเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป หลังจากนั้นก็สามารถใส่อาหารลงเครื่องได้เลย (บริษัทเขาจะให้คู่มือมาด้วย ควรอ่านคู่มือและทำความเข้าใจให้ละเอียดก่อนใช้งาน) 

การใช้งานเครื่องนี้ถือว่าสะดวกสุดๆ เพราะแค่เสียบปลั๊กทิ้งไว้ (เหมือนตู้เย็น) แล้วเมื่อมีเศษอาหารเหลือที่จะทิ้ง ก็แค่แยกน้ำออกจากเศษอาหาร เปิดฝาเครื่องแล้วเทเฉพาะเศษอาหารลงไป ปิดฝา แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรให้วุ่นวายอีก แต่ถ้าของที่จะทิ้งมีกลิ่นแรง ก็กดปุ่มกำจัดกลิ่น หรือถ้าเศษอาหารที่มีน้ำปนเยอะหน่อย เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นบะหมี่ที่มักจะมีน้ำในเส้น ก็สามารถกดปุ่มลดความชื้นได้ จากนั้นเครื่องกำจัดเศษอาหารก็จะทำงานอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องเฝ้า ไม่ต้องพลิกกอง หรือต้องคอยเติมอะไรวุ่นวายอีก และเราก็สามารถตักปุ๋ยมาใช้ได้เรื่อยๆ แค่อย่าตักไปใช้จนหมด เพราะต้องเหลือไว้ให้เป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ในการทำงานของเครื่องรอบต่อไป ทำให้ไม่ต้องคอยเติมหัวเชื้อบ่อยๆ (แทบไม่ต้องซื้อหัวเชื้อใหม่เลย ประหยัดงบไปได้เยอะมากๆ) สะดวกและตอบโจทย์สุดๆ กับวิถีชีวิตชาวห้องเช่าในเมืองกรุงอย่างเรา 

เมื่อมีเครื่องกำจัดเศษอาหาร เราจะกินอะไรเหลือก็ไม่รู้สึกผิด เพราะเราเทเศษอาหารทุกอย่างใส่ลงเครื่อง ยกเว้น ของแข็งๆ หรือของย่อยยากๆ อย่างกระดูกสัตว์ เปลือกหอย หรือเปลือกและเม็ดผลไม้แข็งๆ เช่น เปลือกทุเรียน เปลือกมังคุด เม็ดมะม่วง เป็นต้น และไม่ต้องห่วงว่าจะใช้เครื่องผิดวิธี เพราะนอกจากคู่มือที่ให้มาพร้อมเครื่องแล้ว ยังมีวิธีใช้ และข้อบ่งใช้ ว่าสามารถใส่อะไรได้ และห้ามใส่อะไรลงเครื่องบ้างแจ้งไว้บนฝาเครื่องอย่างชัดเจน ด้วยนวัตกรรมและความง่ายของการใช้งาน ทำให้ทุกคนใช้งานได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ หรือสมาชิกตัวน้อยของบ้าน หากเป็นเด็กเล็กที่ยังอ่านหนังสือไม่ได้ ก็เพียงแค่บอกเขาว่าใส่อะไรได้และใส่อะไรไม่ได้บ้าง เราว่าดีเสียอีกนะ ช่วยฝึกให้เด็กช่วยงานบ้าน ปลูกฝังให้เด็กๆได้มีจิตสำนึกรักษ์โลก จะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคมต่อไป 

นอกจากจะใช้งานง่ายแล้ว เครื่องกำจัดเศษอาหารยังช่วยให้ประหยัดได้เยอะมาก ประหยัดค่าใช้จ่ายจุกจิกไปหลายรายการเลย ตั้งแต่ถุงขยะที่ใช้น้อยลง เพราะไม่ต้องทิ้งขยะเปียกใส่ถุงแล้ว เหลือทิ้งแต่ขยะแห้งต่างๆ อย่าง ขยะขวดพลาสติก กระดาษ และวัสดุที่อื่นๆ ถังขยะในห้องแห้ง สะอาด และไร้กลิ่น หมดปัญหามดแมลงกวนใจ ได้ปุ๋ยเติมผักฟรีๆ ไม่ต้องซื้อปุ๋ยและสารเคมีอะไรอีกเลย เพราะปุ๋ยที่ได้ก็ครบคุณค่าโภชนาการที่ผักต้องการ ผักที่ห้องเติบโตและงามสุดๆ เก็บกินไม่ทันต้องแบ่งเพื่อนบ้าน เลยได้ขนมบ้าง ของกินบ้างจากเพื่อนบ้านแลกเปลี่ยนน้ำใจกัน เชื่อมสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนบ้านได้อีก 

อีกสิ่งที่ทำให้เลิฟเครื่องนี้คือ ฟังก์ชั่นครบเครื่องจัดเต็ม แต่แทบไม่ต้องคอยเปลี่ยนไส้กรองแพงๆ แค่ทำความสะอาดแผงกรอง ขนาดเครื่องปรับอากาศยังต้องคอยล้าง คอยเปลี่ยนไส้กรอง ทุกๆ 3 – 4 เดือน และค่าไฟในแต่ละเดือนที่ต้องจ่าย ก็อยู่ที่ประมาณ 100+ นิดๆ หรือ 200+ หน่อยๆ / เดือน แม้ว่าจะเสียบปลั๊กแบบไม่เคยถอดเลย หรือจะใช้งานเครื่องกำจัดเศษอาหารวันละหลายๆรอบทุกวันก็ตาม แล้วจะไม่ให้เลิฟได้อย่างไร 

และสิ่งสำคัญกว่าก็คือ เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะเราช่วยลดปริมาณขยะ ลดการใช้พลาสติก ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้รู้สึกภูมิใจที่คนตัวเล็กๆอย่างเราก็สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกใบนี้ได้ ด้วยวิธีที่แสนจะง่ายดาย เราเชื่อว่าถ้าหากมีเครื่องกำจัดเศษอาหารกันทุกบ้าน นอกจากโลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้น คุณภาพชีวิตของเราทุกคนก็จะดีขึ้นอย่างยั่งยืนแน่นอน